Beijing Day 3.2: Summer Palace

เอนทรี่ก่อนหน้า:
Beijing Day 1: Tiananmen Square and Forbidden City
Beijing Day 2: Ming Tomb and The Great Wall
Beijing Day 3.1: Temple of Heaven

วันนี้เป็นวันแรกรู้สึกมีแรงกลับมาเขียนต่อหลังจากทิ้งช่วงไว้ประมาณสองเดือน
คือ พอรู้สึกแล้วเลยต้องรีบเปิดเข้ามาเขียนเลย ไม่งั้นไม่มีทางได้อัพแน่ๆ

จริงๆ มันก็มีสาเหตุของมันอยู่แหละ ไม่ใช่ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากมาอัพ
..ช่วงนี้ชีวิตปวดหัวมาก คือถ้าเทียบกับเพื่อน หรือคนอื่นๆ มันก็อาจจะไม่มากขนาดนั้น
แต่ถ้าเทียบกับระดับชีวิตปกติของตัวเองแล้ว.. เราไม่ชอบสภาวะแบบนี้เท่าไหร่ รู้สึกไม่โอเค
เลยคิดว่าใจลึกๆ แล้ว เราคงอยากกลับมาเขียนเรื่องไปเที่ยวไปนู่นนี่เพื่อหนีความจริง
หรือไม่ก็เรียกความทรงจำช่วงที่โอเคมากๆ มาช่วยกันเยียวยาหน่อย

ที่นี่ต้องซื้อตั๋วเข้า ราคานี่จำไม่ได้เป๊ะๆ ว่าเท่าไหร่ แต่คือเค้ามีตั๋วอยู่สองแบบนะ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด
แบบที่1 คือตั๋วรวมๆ คือซื้อที่นี่แล้วเราจะเข้าได้ทุกสถานที่ด้านในพระราชวัง
แบบที่2 คือตั๋วค่าผ่านประตูเฉยๆ ส่วนด้านในถ้าอยากเข้าอะไรพิเศษๆ ก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่มเอา

ซึ่งเราซื้อแบบที่2มา.. ไม่ใช่เพราะอะไร.. พ่อไปคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องข่า =_=)
จริงๆ ตั้งใจซื้อแบบที่1 เฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยย

โอเค ไม่เป็นไร จริงๆ ก็ถือว่าโชคดี เพราะพอมาคำนวณดูแล้ว เราซื้อแบบที่2 นี่คุ้มกว่า
เพราะเราไม่ได้ไปเข้าครบทุกอย่างขนาดนั้น เนื่องจากเดินไม่ทันส่วนนึง และแม่เดินไม่ไหวส่วนนึง


  • อันนี้เป็นตลาดน้ำเมืองซูโจวจำลองที่พระราชวังฤดูร้อน
    มาที่นี่ก็รู้สึกคอนฟลิคในใจตัวเองหลายอย่างนะ
    คือใจนึงก็ด่าซูสีไทเฮาไป ว่าทำไมเอาเงินมาใช้กับเรื่องฟุ่มเฟือยแบบนี้
    แต่อีกใจก็จะรู้สึกว่า.. เออ แต่มันก็ทำให้มีที่สวยๆ งามๆ อย่างนี้ให้เราเที่ยวดูนี่หว่า..
    ก็ สลับกันด่าสลับกันชมไปในใจตัวเอง =_=)



  • โดยเฉพาะอีเรือนี่ อีเรือหินอ่อนสุดแพงสุดฟุ่มเฟือยนี่.. ที่เจ้เค้าสร้างมาเพื่อนั่งจิบชา
    งบประมาณก็เอามาจากทหารเรือนะตอนนั้น
  • คือที่แขวะๆ ไปไม่ใช่อะไรหรอก.. มันก็สวยแหละ.. และดูแพงจริงจนอดแซวไม่ได้..
  • และข้างในเรือจะมีเก้าอี้กะโต๊ะหินอ่อนวางอยู่.. มองเข้าไปแล้วเรายังรู้สึกเลย
    ว่าถ้าได้นั่งตรงนั้นจริง นี่คงเย็นสบายหน้าดู.. ก็สมแล้วที่สร้างมาเพื่อพักผ่อนคลายร้อน


  • เดินตรงนี้ต้องดูตรงช่วงคานดีๆ เค้าเพ้นท์เป็นเรื่องราวไว้ ก็มีเปาบุ้นจิ้นบ้าง อะไรบ้าง
  • คือระเบียงนี่จะยาวมากกกกกกก ถึงมากๆๆๆๆๆ ก็เราจะได้ดูรูปอะไรพวกนี้ไปตลอดทาง
    จากดูด้วยความตื่นเต้น จนกลายเป็นเมินเฉยเลยทีเดียว.. (เพราะมันยาวมากไง..)
  • ตอนแรกๆ พ่อเราก็ทายไปตลอดทาง ว่านี่มาจากเรื่องอะไร นู่นมาจากเรื่องอะไร..
    หลังๆ พ่อต้องไปนั่งพักเป็นเพื่อนแม่จ้า แม่เดินจนเหนื่อย

OLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERAOLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

  • ด้านบนจะเป็นที่ตั้งรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ไทเฮาขึ้นไปไหว้บ่อยๆ
    ในที่นี้เราไม่ได้ถ่ายมาเพราะเค้าห้ามถ่าย55555555555
  • ส่วนนี้เราเดินขึ้นไปกับน้องสองคน เพราะแม่เดินไม่ไหว พ่อเลยอยู้เฝ้าด้านล่าง
    แล้วคือตอนเราจะเข้าเนี่ย มันก็เหลืออีกครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เค้าจะไม่ให้เข้าแล้ว
    ก็เลยรีบเดินกัน.. พอเดินจนทั่วแล้วเราก็จะมาออกประตูเดิม
    ทีนี้เห็นเค้ากำลังปิดประตูอยู่ก็ตกใจรีบวิ่งเลย ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ได้ออกประตูนี้นี่แย่แน่
    เพราะพ่อกะแม่รออยู่ประตูนี้ ไม่งั้นต้องไปออกฝั่งตรงข้ามแล้วเดินมา มันจะทันมั้ยยยย
    คือที่นี่มันจะปิดอยู่แล้ว..
  • สรุปคือ.. เค้าก็ทำท่าปิดอยู่อย่างนั้นอีกเกือบครึ่งชั่วโมงอะ =_= จะตกใจเพื่ออออ
  • แต่ตอนเดินขึ้นไปกะน้องสองคนนี่เหงามากนะ.. เพราะเหมือนกูเดินอยู่คนเดียว
    น้องกูหายไป… คือเดินไม่ดูกันอะ ไปโผล่คนละรู.. ขนาดเดินตามขึ้นบันไดเดียวกันนะเฟ่ย
  • อีกอย่าง ถ่ายรูปออกมาแล้วดูเหงามากกก ดูร้างคน…
    เพราะ… น้องกรูไม่หยุดให้กรูถ่ายยยยยยยย คือ เห็นแผ่นหลังคนเสื้อฟ้าๆ ที่ติดในรูปไหม..
    น้องกรูทั้งนั้นค่ะ… ประหนึ่งเจ้ถ่ายติดนักท่องเที่ยวแถวนั้นมา…
  • …แต่จริงๆ มันเหงาจริงๆ ..คือสถานที่มันใหญ่มากอะ.. แล้วตรงส่วนนี้คนมันไม่ได้เยอะเลย
    ทำให้นึกถึงคนที่อาศัยที่นี่จริงๆ สมัยก่อน =_=) คือ… รู้สึกเหงาป่าว…
  • (กูคงเหงามากอะ พูดเรื่องเหงาอยู่ 3 บุลเล็ท)

Leave a comment